Subscribe:

วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การเพาะเลี้ยงกบ

การเพาะเลี้ยงกบ

ปัจจุบันการเลี้ยงกบนาเป็นอาชีพที่ได้รับความสนใจจากเกษตรกรอย่างมาก   ทั้งนี้เพราะกบเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย  ใช้เวลาเลี้ยงน้อยและได้รับความนิยมบริโภคสูงมาก  ซึ่งในขณะนี้มีตลาดต่างประเทศต้องการสินค้ากบเปิดกว้างมาก  กบนาที่เป็นผลผลิตของเกษตรกรเมืองไทยจึงมีโอกาสส่ง
ไปจำหน่ายยังต่างประเทศมากขึ้น

ลักษณะเพศของกบ สามารถสังเกตได้จากลักษณะภายนอก ดังนี้
  • กบเพศผู้ จะพบกล่องเสียงอยู่ใต้คางทั้งสองข้าง สังเกตใต้คางจะเป็นจุดดำๆ โดยรอบ
  • กบเพศเมีย จะไม่มีกล่องเสียงอยู่ใต้คาง ตามปกติแล้วกบเพศเมียจะโตกว่ากบเพศผู้ และมีความกว้างของลำตัวมากกว่ากบเพศผู้ ใต้คางจะขาวไม่มีจุดดำ

ลักษณะกบที่พร้อมผสมพันธุ์
เมื่อกบโตเต็มวัย จะเริ่มผสมพันธุ์กันได้ อายุตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป จะสังเกตเห็นรอยย่นของกล่องเสียงเป็นสีเทาดำคล้ำ ใต้คางทั้งสองข้างของกบเพศผู้ เพื่อใช้ในการขยายเสียงร้องเรียกกบเพศเมีย นอกจากนั้นฤดูผสมพันธุ์จะพบแถบปุ่มสีน้ำตาลทางด้านในของผิวหัวแม่มือของกบเพศผู้ทั้งสองข้าง เพื่อยึดเกาะตัวเมียในเวลาผสมพันธุ์
  • กบเพศเมีย เมื่อพร้อมที่จะผสมพันธุ์ ใต้ท้องของกบเพศเมียจะมองเห็นเม็ดดำ ๆ เป็นสายและข้างลำตัวจะมีลักษณะสากมือคล้ายเอามือจับกระดาษทราย
  • กบเพศผู้ ให้เอานิ้วมือของเราสองนิ้ว แหย่เข้าตรงกลางสองขาหน้า ถ้ากบกอดมือเราได้แสดงว่ากบเพศผู้พร้อมที่จะผสมพันธุ์

ขั้นตอน/วิธีทำ
การเตรียมบ่อเพาะเราควรทำบ่อไว้สามบ่อ เพื่อแยกพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ออกจากกัน และเตรียมอีกบ่อสำหรับใช้ผสมพันธุ์ เตรียมบ่อเพาะด้วยการล้างอ่างให้สะอาด แล้วตากอ่างให้แห้ง ช่วงเย็นก่อนมืดให้เอาน้ำเติมลงไปในอ่าง ให้น้ำสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร รอให้ฝนตก กบจะร้อง ให้จับกบตัวผู้และตัวเมียลงบ่อ หรือถ้าทำนอกฤดูให้ใช้น้ำแข็งละลายน้ำสาดให้ทั่วอ่าง อ่างจะเย็นกบก็จะออกไข่ สังเกตเมื่อกบออกไข่ให้จับพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ออก ในช่วงระยะแรกไข่จะจมต่อมาไข่จะลอยขึ้น

แสงเป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ที่มีผลต่อการฟักไข่ของกบ ถ้าแสงแดดไม่เพียงพอ หรือแสงแดดส่องไม่ถึงไข่กบจะไม่ฟักออกมาเป็นตัว ถ้าแสงแดดเพียงพอไข่กบจะฟักออกมาเป็นตัว ไข่กบจะฟักตัวประมาณ 18-36 ชั่งโมง ก็จะเป็นตัวลูกอ๊อด ลูกกบฟักตัวออกใหม่ ยังไม่กินอาหาร เนื่องจากมีอาหารสะสมอยู่ที่บริเวณท้อง สามารถอยู่ได้ 3-5 วัน ลูกอ๊อดจะเริ่มกินอาหารเมื่ออายุได้ 3 วันขึ้นไป โดยการให้อาหารสำเร็จรูปที่เป็นอาหารปลาดุกเล็กพิเศษ เมื่อลูกอ๊อดอายุได้ 4 สัปดาห์ - 1 เดือนจะกลายเป็นลูกกบ คือ ในระยะแรกลูกอ๊อดจะมีเฉพาะหางและต่อมาอีก 1 สัปดาห์จะมีขาหลังสองขา เมื่อสองขาหลังสมบูรณ์เต็มที่ สองขาหน้าก็เริ่มโผล่ออกมาและหางค่อยๆ หด เมื่อสองขาหน้าสมบูรณ์เต็มที่ หางจะหดหมดไปในระยะ 1 เดือน

อย่างไรก็ตาม ลูกอ๊อดจะหมดหางไม่พร้อมกัน จึงเป็นอันตรายต่อลูกกบวัยอ่อน เพราะลูกกบยังอ่อนแอควรหากระดานหรือไม้ไผ่มาทำเป็นแพเพื่อให้ลูกกบที่หางหมดแล้วได้ขึ้นอยู่บนแพ แล้วหาภาชนะเพื่อใส่อาหารให้ลูกกบกิน ถ้าปล่อยให้ลูกกบลอยน้ำอยู่ ลูกกบจะถูกลูกอ๊อดกัดกิน ซึ่งเป็นช่วงที่อันตรายมากเมื่อลูกอ๊อดหางหดหมดแล้วจึงย้ายไปเลี้ยงในบ่อต่างหาก หรือจะเลี้ยงในบ่อเดิมไปก่อนก็ได้ ในช่วงระยะนี้ควรคัดเลือกขนาดของลูกกบย้ายไปเลี้ยงบ่ออื่นๆ เพราะตัวใหญ่จะกินตัวเล็กทำให้ตัวเล็กตายหรือไม่ก็ตายทั้งคู่ ทั้งตัวที่ถูกกินและตัวที่กินตัวอื่น เพราะกลืนไปไม่หมดจะทำให้ตาย การนำลูกกบออกไปเลี้ยงมีวิธีเลี้ยงได้หลายวิธี เช่น บ่อดิน บ่อซีเมนต์ กระชัง การเลี้ยงในกระชังจะสะดวกสบายกว่า เพราะประหยัดค่าใช้จ่าย ลงทุนน้อยและไม่ต้องถ่ายเทน้ำขนาดความหนาแน่นของกบ 80-100 ตัว ต่อหนึ่งตารางเมตร

ที่มา : ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนกลุ่มอีโต้น้อย จังหวัดบุรีรัมย์
กลับสู่หน้า "ไร่ชญาทิพ"

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น